วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันะที่1-3 กรกฎาคม พ.ศ.2558

การฝึกฝนเด็กเก็บของเล่นก็ยังคงเป็นเรื่องยาก ตอนแรกก็ตกลงกันว่าจะเก็บ แต่หากเวลาผ่านไปเด็กเริ่มมีการต่อรองว่าเดี๋ยวเก็บ เดี๋ยวกลับมาเก็บ การแก้ไขคือครูตั้งเงื่อนไข เช่น ตกลง แต่! ถ้าเด็กๆไม่กลับมาเก็บครูจะไม่ให้เล่นของเล่นชิ้นนั้นเป็นเวลา... เป็นต้น และกล่าวชื่นชมทุกครั้งที่เด็กช่วยกันเก็บ การตั้งเงื่อนไขนี้จะเป็นประตูด่านแรกในการสอนให้เด็กเคารพกฏกติกา นอกเหนือจากที่บ้าน เด็กควรจะได้รับการฝึกฝนจากที่บ้านด้วย ครูจึงได้แนะนำกับผู้ปกครองที่มักจะบ่นว่าลูกไม่เก็บขอบเล่น เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่ากติกาที่โรงเรียนมีความจริงจังในการให้เด็กปฏิบัติมากกว่า โดยครูจะดูแลให้ ปฏิบัติกันอย่างสม่ำเสมอจนเกิดความเคยชิน และเป็นปกติที่จะต้องเก็บของเล่นกันทุกครั้งที่เล่นเสร็จ และถ้าหากเด็กคนใดไม่เก็บของเล่น ห้องเรียนเป็นสังคมที่มีเด็กหลายคน เด็กอยากเป็นที่รักของคุณครู อยากให้คุณครูชื่นชอบ ชมเชย และไม่อยากทำไม่ดี เพราะจะแตกต่างจากคนอื่น กุญแจสำคัญ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง จะต้องเห็นความสำคัญของสิ่งที่ต้องการฝึกลูก ว่าต้องการฝึกให้สำเร็จจริงจังแค่ไหน เพราะถ้าตั้งใจฝึกจริงๆก็ไม่ยาก ขอให้ฝึกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่เด็กจะได้เติบโตเป็นคนมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง และสังคม สืบต่อไป



วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2558


เมื่อเด็กย่างเข้าสู่วัยสามขวบ เด็กจะเรียนรู้กระบวนการที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเขา และจะทำให้เด็กเรียนรู้แนวทางการปฏิบัติตัวในสังคมที่ถูกต้อง นั่นคือการปรับตัวให้บุคคลอื่นยอมรับ เพื่ออยู่ร่วมกับบุคคลรอบตัวได้ ซึ่งการเรียนรู้นี้เป็นกระบวนการปรับตัวทางสังคม เด็กเรียนรู้ที่จะร่วมมือกับผู้อื่นในลักษณะกลุ่ม รู้จักการเป็นสมาชิกของกลุ่ม รู้จักปฏิเสธ การรับ การสื่อสาร หรือการใช้ภาษา ซึ่งส่วนมากเด็กจะเรียนรู้ผ่านการเล่น  การเล่นและการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะลดตนเองจากการเป็นศูนย์กลางไปสู่การปฏิบัติที่ยอมรับคนอื่นมากขึ้น แต่การมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นยังอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ เราจึงมักจะเห็นว่าเด็กมีพฤติกรรมการแสดงอารมณ์ดีสลับอารมณ์ไม่ดีอยู่เช่นนั้น การอบรมเลี้ยงดูเด็กด้วยความเข้าใจ ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีและแนะนำสั่งสอนเด็กด้วยความอ่อนโยน ชี้แนะระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม การจัดกิจกรรมกลุ่ม การชวนเล่นแบบมีข้อตกลง การที่ผู้ปกครองได้ปล่อยให้เด็กได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนก็จะส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กมากขึ้นนอกเหนือจากการอยู่กับผู้ปกครอง เขาก็จะพบว่าการอยู่ร่วมกับเพื่อนก็จะส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางสังคมที่ดี รู้จักการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  การแบ่งปัน จึงแม้จะเวลาสั้นๆแต่เชื่อว่าการย้ำคิดย้ำทำบ่อยๆเด็กกํจัสามารถปรับพฤติกรรมตนเองได้ในที่สุด

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันที่ 24-26 มิถุนายน พ.ศ.2558

การอบรม ณ สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เรื่องมาตรฐานการอบรมเลี้ยงดูเด็กในศูนย์เด็กเล็ก  มาก่อนนั่งหลัง มาช้านั่งหน้าซึ่งก็ยังเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ได้นั่งหน้าขยับตัวยากเลยเพราะอยู่หน้าวิทยากรเลย  ผู้เข้าอบรมมีจำนวนเยอะไม่น้อยเลยทีเดียว โชคดีหน่อยที่มีเพื่อนร่วมงานไปด้วยไม่งั๊นคงจะเงียบเหงาน่าดู บรรยากาศภาคเช้าเป็นไปด้วยความน่านอนมากแอร์เย็นเฉียบและเสียงเนิบๆของงคุณหมอคนสวย สารภาพว่าง่วงมาก แต่ก็ไดความรู้เพิ่มเติมขึ้น เพราะเป็นเรื่องเดิมๆที่เคยอบรมไปบ้างแล้ว ส่วนในภาคบ่ายก็ดูเหมือนว่าทุกคนคงอยากกลับบ้านเร็ววิทยากรก็เลยกระชับเวลาให้เร็วขึ้น พอรับใบประกาศเสร็จห้องประชุมที่มีคนเยอะๆก็ค่อยๆหายไปทีละคนสองคนทั้งที่ประธานยังไม่ได้ปิดการอบรม จริงอยู่ว่าทุกคนรีบแต่ก็น่าจะให้เกียรติประธานที่มาปิดการอบรม นี่ล่ะนะ

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2558

วันหนึ่งไอน์สไตน์ถามนักเรียนในห้องเรียนว่า
“มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กำลังซ่อมปล่องไฟเก่าพอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่าคนหนึ่งตัวสะอาด
อีกคนหนึ่งตัวเลอะเทอะเต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่าคนไหนจะไปอาบน้ำก่อน”
นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
“ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ”

ไอน์สไตน์พูดว่า “งั้นหรือ?” ลองคิดดูให้ดีนะ
คนที่ตัวสะอาดเห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน
เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆ เลย
ส่วนอีกคนเห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า
ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน

ตอนนี้ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่
นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“อ๋อ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนตัวสกปรก
ก็นึกว่าตัวเองตัวสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรกเห็นอีกคนตัวสะอาด
ก็คิดว่าตัวเองไม่สกปรกเลย
ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย ถูกไหมครับ”
ไอน์สไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำนี้
ไอน์สไตน์จึงค่อยๆพูดขึ้น อย่างมีหลักการและเหตุผล
“คำตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก
เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนำจนสะดุด
ก็จะไม่สามารถแยกแยะ
และหาเหตุผลแห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้...”
“จงออกจากพันธนาการของความเคยชิน
หลบเลี่ยงจากกับดักทางความคิด
หลีกหนีจากสิ่งที่ทำให้เราหลงจากความถูกต้อง
แล้วคุณจะพบกับสิ่งที่เรียกว่าความเป็นจริง
 
                     
ขอบคุณไอน์สไตน์ ที่ให้ข้อคิดดีๆวันนี้

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558



“ระเบียบวินัย” นั้นสำคัญต่อเด็กมาก เด็กจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ได้นั้นต้องมาจากพื้นฐานทางวินัยที่ดี เพราะจะทำให้เด็กเข้าใจความสำคัญของการควบคุมตนเองจากอารมณ์โกรธของตัวเองได้ สอนให้เด็กเป็นคนมีเหตุผล มีกระบวนการตัดสินใจที่ดี รู้จักเคารพกฎกติกาที่จะทำให้ชีวิตปลอดภัย เด็กที่ถูกเลี้ยงดูโดยขาดการฝึกวินัย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือแก้ไข จะเติบโตด้วยความไม่มั่นใจและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าสิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำ จะมีการตัดสินใจที่ช้า มีระดับความอดทนที่ต่ำกว่าคนทั่วไป เรียกได้ว่า ไม่มีภูมิต้านทานทางด้านอารมณ์ ซึ่งจะส่งผลให้มีปัญหาทางด้านพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่อ ไป  ดังนั้นการสอนเด็กให้มีระเบียบวินัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็กมาก เพราะฉะนั้นพ่อแม่และครูจำเป็นต้องลงทุนปูพื้นฐานทางวินัยที่ดีให้เด็กวันนี้ เพื่อให้เด็กมีภูมิต้านทานทาง ด้านอารมณ์ และเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต มิใช่ปัดความรับผิดชอบโทษกันไปมาว่าเป็นความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2558

      จากฝนตกเมื่อคืน เช้านี้จึงปกคลุมไปด้วยไอหมอกยามเช้าของฤดูฝน บรรยากาศที่น่าซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆแต่ด้วยหน้าที่การงานและเด็กๆจึงต้องข่มใจสลัดผ้าห่มอันหนานุ่มนั้นออกไปทำงาน เราเดินทางไปถึงศูนย์ฯราวๆ07.00น.มีเด็กคนนึงผู้ปกครองมาส่งตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและแป้งทาซะหน้าขาว ทำไมมาแต่เช้าเลยละหนู พ่อผมรีบไปทำงานครับ จริงสินะคนเราเกิดมาแล้วต้องมีการทำงานหรือต้องหางานทำ โดยเหตุผลของการหางานทำหรือการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเราบางอย่าง เช่น บางคนต้องการเงินเดือนเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัว บางคนต้องการได้ชื่อเสียงเนื่องมาจากการทำงาน บางคนทำงานก็เพื่อเป็นที่ยอมรับในสังคม บางคนทำงานเพื่อความร่ำรวยเงินทอง ฯลฯ ( ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนที่ทำงานมีความแตกต่างกัน)นี่ละนะคนเรา
 "งานสร้างสุข"


วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

     วันแรกของสัปดาห์เหมือนทุกอย่างจะลงตัวมากขึ้น เด็กมีงอแงกับผู้ปกครองบ้าง แต่เมื่อผู้ปกครองกลับไปแล้วก็เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน ช่วงสายๆในวันเดียวกันมีผู้ปกครองคนนึงซึ่งพึ่งจะพาลูกมาสมัครเรียนในวันพุธที่แล้ว บอกว่าลูกไม่อยากมาโรงเรียน ตนก็คงไม่เอาลูกมาโรงเรียนลูกบอกว่ามาโรงเรียนแล้วเพื่อนแกล้ง ครูได้ชี้แจงว่าเด็กเขาเล่นด้วยกันก็ต้องมีบ้าง แล้วเด็กเองก็ยังไม่สนิทกับใครถ้าได้ใช้เวลาเล่นทำกิจกรรมกับเพื่อนก็น่าจะปรับตัวเข้าหากันได้ซึ่งเป็นธรรมดากับเด็กที่เพิ่งเข้าเรียนใหม่ แต่ผู้ปกครองก็ยังยืนยันว่าจะไม่เอาลูกมา และนั่นก็เป็นเสียงสะท้อนในใจของตัวเราเองว่าจริงๆแล้วเด็กหรือผู้ปกครองกันแน่ หรือตัวครูเองไม่มีความสามารถพอในการอบรมเลี้ยงดูลูกของเขาที่เพิ่งมาได้ 2 วัน เราคิดว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลาไม่ใช่แค่วันสองวันก็ตัดสินทุกอย่างได้แล้ว แต่ยังไงเสียแล้วเราจะต้องทำหน้าทึ่ของเราให้ดีที่สุด เพราะการเก็บเอาเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วมาขบคิดก็มีแต่จะบั่นทอนจิตใจ สู้หันหน้ามาสู้มาแก้ปัญหาต่อไปดีกว่า (หนึ่งบททดสอบจิตใจ)